Anomalisa
(2015)
โดยปกติเวลาเราจะพูดถึงหนังเรื่องไหนแล้วจะสปอยล์ เราจะให้คำแนะนำก่อนว่าควรหรือไม่ควรดู (ส่วนใหญ่จะควรดู ประมาณว่าไปดูก่อนแล้วมาคุยกัน) แต่สำหรับ Anomalisa… เอ่อ…
ไม่รู้อะ
ไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะ หนังโอเคเลย แต่เราไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะชอบ เหมือนไก่ tandoori ทอดน่ะ เราทำกินเองแล้วอร่อย แต่ไม่ค่อยกล้าจะแนะนำชาวบ้าน (แต่อร่อยจริง ๆ นะ…)
เอาเป็นว่าถ้าใครชอบแอนิเมชั่นแนวอาร์ต ๆ หน่อย ธีมประมาณความจำเจของมนุษย์ในสังคม ก็ลองไปดูเถอะ แล้วค่อยมาอ่าน เพราะต่อจากนี้มีสปอยเลอร์
โอเค
หลังจากดูได้ซักพักนึง พอมีเสียงผู้ชายมาพากษ์ตัวละครหญิง เราก็นึกในใจว่า หนังมันจะอาร์ตไปไหนเนี่ย พอตัวละครหญิงหลาย ๆ ตัวมีเสียงผู้ชาย (คนเดิม) พากษ์ เราก็เริ่มคิดว่า หนังนี่มันอะไร sexist รึเปล่า ทำไมไม่จ้างผู้หญิงมาพากษ์
ฟังไปฟังมา อ้าวเฮ่ย ตัวละครที่ไม่ใช่พระเอกมันคนพากษ์คนเดียวกันหมดเลยนี่หว่า
งง ไม่เข้าใจความอาร์ตของมัน ไม่เข้าใจว่าต้องการสื่ออะไร
พอพระเอกเจอ Lisa ก็เริ่มเก็ตละว่า อ๋อ ในสายตาของพระเอก ทุกคนในโลกก็เหมือนกันไปหมด คือไม่มีความดึงดูด (แสดงให้เห็นโดยเสียงผู้ชาย ซึ่งเป็นเพศที่พระเอกไม่ฝักใฝ่) จนได้มาเจอ Lisa ผู้มีเสียงเพราะดั่งนางฟ้า
แต่พอได้คุยกันซักพัก พอเริ่มรู้จักกันก็เริ่มเห็นถึงปัญหา ข้อบกพร่อง อย่างการเคี้ยวไปพูดไป ทำให้ Lisa — ในสายตาพระเอก — เริ่มไร้เสน่ห์ เสียงที่เคยไพเราะก็แหบแห้ง สุดท้ายก็กลายเป็นเหมือน “คนอื่น”
มีคนใน reddit เสนอทฤษฎีว่า Lisa นั้นแท้จริงแล้วคือตุ๊กตาที่พระเอกซื้อมานั่นเอง สังเกตได้จากรอยแผลเป็นตรงตาขวาของ Lisa นั้นตรงกับรอยแตกที่ตุ๊กตา แถมเพลงที่ Lisa ร้องก็ไปคล้ายกับเพลงที่ตุ๊กตาร้อง
ซึ่งก็แปลว่า… น่ะนะ
เป็นหนังที่ดูจบแล้วต้องมานั่งคิดว่าแต่ละ element ของเรื่องมันสื่อถึงอะไรบ้าง พอเริ่มดูออกแล้วก็เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน เราว่าหนังต้องการจะสร้างอารมณ์แบบนั้นแหละ