Before Trilogy คือหนังที่แนะนำยากมาก เพราะมันคือหนังไตรภาคเกี่ยวกับคนสองคนคุยกัน

…เนื้อเรื่องมีแค่นี้แหละ

แต่ความวิเศษของมันอยู่ที่บทสนทนา และพัฒนาการของตัวละครจากภาคสู่ภาค

ใน Before Sunrise เราได้เห็นพระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรกบนรถไฟ ทั้งสองคนชวนกันไปเดินเล่นในกรุงเวียนนา โดยที่ในวันรุ่งขึ้นพระเอกจะต้องบินกลับอเมริกา และนางเอกจะต้องกลับปารีส แล้วทั้งสองคนก็จะไม่ได้เจอกันอีก

ระหว่างเดินเล่นทั้งสองคนก็คุยกันสารพัดเรื่อง ส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่กับเรื่องไกลตัวอย่างการเกิด การตาย การกลับชาติมาเกิด ความสัมพันธ์ การบอกเลิก ไปจนถึงเรื่องศาสนา สังคม จักรวาล

นางเอกพูดไว้ว่า ถ้าพระเจ้ามีจริงก็คงไม่ได้อยู่ในตัวเรา แต่คงอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างเรา เหมือนจะบอกว่าการเกิดหายตายจาก ไม่ใช่ของใครแต่เป็นของความสัมพันธ์ของสองคนนั้นในคืนเดียว

ไม่รู้สิ เราอธิบายไม่ถูก เราว่าแค่นั่งฟังสองคนนี้คุยกันไปเรื่อย ๆ มันเพลินดี

เก้าปีต่อมาพระเอกกับนางเอกเจอกันอีกรอบในกรุงปารีสกับหนังเรื่องที่สอง — Before Sunset

มาคราวนี้เรารู้สึกได้ว่าตัวละครมีมิติลึกมากขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่ มีเรื่องต้องรับผิดชอบในชีวิต บทสนทนาก็จะเปลี่ยนมาเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น เช่นครอบครัว เพื่อนเก่า รวมไปถึงเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม สิทธิสตรี เห็นได้ชัดเจนว่าจากหัวข้อสนทนาแบบเพ้อฝัน ใหญ่เกินตัวกลายมาเป็นเรื่องที่จริงจัง แสดงให้เห็นการเติบโตของทั้งคู่ เราว่ามันธรรมชาติ

เวลาผ่านไปอีกเก้าปี เรากลับมาเจอสองคนนี้อีกครั้งใน Before Midnight ขอไม่สปอยล์ว่าสถานการณ์ในหนังเรื่องนี้เป็นยังไง แต่หัวข้อการสนทนาแทบไม่มีความเพ้อฝันเหลืออยู่แล้ว จากเรื่องโลกทั้งใบกลายเป็นพูดถึงแต่การงาน ครอบครัว อดีต อนาคต เหมือนตื่นจากความฝันของสองเรื่องก่อนหน้านี้มาเจอความจริงที่มันจริงมาก ๆ

จริงจนอึดอัด

ถ้าให้เราเทียบกันสามเรื่องเราชอบ Sunset มากสุด รองลงมาคือ Sunrise ส่วน Midnight ชอบน้อยสุด

Sunrise ออกจะน่าเบื่อนิดนึงเพราะหนังเล่าถึงคนสองคนที่เราไม่รู้จัก ไม่มี connection กับตัวละครเลย แต่พอมาถึง Sunset เรารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ในช่วงเก้าปีที่แล้ว เรารู้ว่าทุก ๆ คำพูด ทุก ๆ สายตาการมองของทั้งสองคนมันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง มีความลึกของตัวละคร ของอารมณ์ เก้าปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชีวิตเปลี่ยนไปยังไง และตอนนี้รู้สึกต่อกันยังไง

ส่วน Midnight ค่อนข้างจะผิดสูตรจากสองเรื่องก่อนหน้า เลยไม่ค่อยชอบ (ไม่ค่อยชอบนี่คือไม่ค่อยชอบเทียบกับ Sunrise และ Sunset นะ แต่ก็ชอบมากอยู่ดี)

หนังสามเรื่องนี้มีจุดเด่นตรงฉาก walk and talk ทำให้เห็นกริยาและปฏิกริยาของทั้งสองคนในเฟรมเดียวกัน ทำให้แต่ละคำพูด แต่ละท่าทางดูสมจริง บวก long take กับบทพูดที่ธรรมชาติจนดูเหมือน improvise โอ๊ย ชอบ

ทั้งสามเรื่องดูจะเริ่มและจบแบบไม่มีเหตุผล นึกจะจบก็ตัดจบไปซะอย่างงั้น แต่เราชอบนะ มันเป็นเหมือนหน้าต่างบานเล็ก ๆ ที่ถูกนางฟ้าในซินเดอเรลล่าเสกไว้ เราก็มองคนสองคนนี้ผ่านหน้าต่างนั้นไปเรื่อย ๆ พอถึงเที่ยงคืนหน้าต่างก็ปิดลง แล้วก็…