เนื้อหาต่อไปนี้มีสปอยเลอร์ครับ
  1. สรุปสั้น ๆ ก็คือ ไม่ได้ว้าวมาก แต่ก็ไม่แย่ จัดอันดับให้สูงกว่า Doctor Strange หน่อยนึง
  2. การที่ Carol สูญเสียความทรงจำทำให้ pacing ของหนังสะดุดไปบ้าง ฉาก flashback เยอะมาก แต่ก็ไม่ได้ใช้ flashback เพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยหรือที่มาที่ไปของ Carol มากเท่าไหร่ ทุก flashback สื่อความหมายอย่างเดียวกันคือ Carol สามารถก้าวข้ามคำดูถูกดูแคลนของคนรอบข้างได้ และการล้มแล้วลุก ซึ่งจะไปโยงเข้ากับความเป็นมนุษย์ของ Carol (เดี๋ยวพูดถึงเรื่องนี้อีกข้างล่าง)
  3. ฉากหลังจากที่ Carol ถูก Skrull จับและโดนค้นความทรงจำ เราว่ายืดเยื้อมาก เหมือนนั่งดูคนอื่นกรอเทปกลับไปกลับมา โดยที่คนดูไม่ได้รับข้อมูลอะไรมากนัก
  4. การหั่นเนื้อเรื่องออกเป็นฝั่ง Hala กับฝั่ง C-53 (โลก) ทำให้หนังข้ามจุดสำคัญไปหลายจุด คือเข้าใจว่าทั้งสอง setting นี้มีความสำคัญกับแก่นของตัวละคร Carol แต่ถ้าโฟกัสไปที่โลกเลย (ตัดฉากแรก ๆ บน Hala ออก ตัดภารกิจกอบกู้ Solarr ออก) น่าจะลื่นไหลมากขึ้น พอใส่มาทั้งสองฝั่งแบบนี้ทั้งตัวละครสมทบฝั่ง Hala อย่าง Yon-Rogg และฝั่งโลกอย่าง Maria เลยไม่มี character moment เด่น ๆ เลย
  5. บทพูดเป็นธรรมชาติกว่าหนังมาร์เวลเรื่องอื่น ๆ รู้สึกเหมือนมี quip น้อยลง เห็นได้ชัดในฉากแอ๊กชั่นว่าสู้กันเงียบ ๆ ไม่ได้ตะโกนมุกใส่กัน แต่ในบางสถานการณ์ (จำไม่ได้แล้วว่าฉากไหน) กลับมี delivery ที่แข็งทื่อ ฟังดูเหมือนตัวการ์ตูนมากกว่าคน อันนี้เราว่าเป็นที่บท ไม่ใช่ที่ Brie Larson
  6. แต่ฉากที่สำคัญต่อ narrative ของหนังจริง ๆ เราว่า Brie ผ่านฉลุย อย่างตอนสุดท้ายที่พูดว่า “I don’t have anything to prove to you.” คือสตรองมาก เรียกอารมณ์ได้ดีมาก
  7. Carol กับ Fury เคมีดีมาก อันนี้เห็นหลายคนพูดถึงแล้วเราเห็นด้วย ไม่รู้ว่า Fury จะโผล่มาใน Endgame รึเปล่า แต่อยากเห็นสองคนนี้เจอกันอีก
  8. การที่ Fury เอาชื่อ “Avenger” มาจาก call sign ของ Carol เราว่ามันดูยัดเยียดไปหน่อย ไม่รู้ดิ เราคิดว่ามันคือการเอา Carol มาเป็นเสาหลักของทีม Avengers ก่อนที่เธอเองจะมีโอกาสได้ทำอะไรให้กับทีม กลายเป็นการลดความสำคัญของทีมออริจินอลไป ถ้า Captain America จะได้ชื่อว่า The First Avenger แต่คำว่า Avenger ไม่ได้มาจาก Steve Rogers มันเหมือนขาดอะไรไป
  9. ไม่ชอบฉากที่ยิงพลังแข่งกับ Supreme Intelligence
  10. ฉากไคลแม็กซ์มืดมาก อุตส่าห์ชื่นชมมาร์เวลตรงที่ชอบให้คนมาสู้กันกลางแจ้งเนี่ย อันนี้สู้กันในยานอวกาศมืด ๆ แล้วก็มองไม่ค่อยเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นมั่ง ยิ่งมีแสงวิบวับ photosensitive เข้าไปอีก
  11. ในฐานะ origin story ก็ค่อนข้างมาตรฐาน ตัวละครเผชิญหน้ากับจุดขัดแย้งที่เป็นแกนหลักของเธอ ในที่นี้ก็คือความเป็นมนุษย์ของ Carol จากตอนต้นเรื่องที่ Yon-Rogg กำชับให้ Carol ต่อสู้โดยใช้สมองแทนอารมณ์ เอาไปคู่ขนานกับฉากที่ Carol ปีนเชือกแล้วร่วงลงมา แล้วเพื่อนร่วมชั้นรุมดูถูกว่าทำไม่ได้หรอก ไม่มีวันได้เป็นนักบินรบหรอก เสร็จแล้วก็จับสองปมนี้มาผูกกันเป็นข้อความที่ว่า ความเป็นมนุษย์นั้นคือการล้มแล้วลุกกลับขึ้นมาสู้ต่อ เอาชนะเลือด Kree ในตัวเธอได้ จะเห็นว่า conflict ของหนังเกิดจากตัวละครหลัก โดยมีปัจจัยภายนอกอย่างสงคราม Kree-Skrull เป็นฉากหลัง
  12. Lee Pace บทน้อยมาก
  13. Clark Gregg บท! น้อย! มาก!
  14. เฉย ๆ กับ Goose คือจะมองว่าน่ารักก็ได้ หรือจะมองว่ามาร์เวล (/ดิสนีย์) ใส่มาเพื่อขายของเล่นก็ได้ ส่วนตัวเราไม่ cynical ขนาดนั้น
  15. หลายคนบอกว่าเบื่อที่มาร์เวลชอบใช้ McGuffin เดิม ๆ (หินหกสีมณีหกแสงนั่นแหละ) แต่เราชอบนะ มันเพิ่มความสำคัญของ Infinity Stones ดี หินที่มีพลังมหาศาลขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีคน/เอเลี่ยนจากทุกสารทิศมาแย่งกันอยู่แล้ว
  16. ฉากกลางเครดิต ตัวละครเดียวในฉากนั้นที่ไม่ใช่สมาชิกหลัก Avengers คือ Rhodes ก็เลยอยากรู้ว่าจงใจรึเปล่า ในคอมิกนั้น Danvers กับ Rhodes เดทกัน (ไม่ได้ตามมาซักพักละ ตอนนี้ไม่รู้เป็นไง) ไม่รู้ใน MCU จะไปทางไหน
  17. ตอน Monica เปลี่ยนสีชุดของ Carol สีแรกที่เปลี่ยนคือสีขาว-แดง-ทอง — เหมือนสีชุด Shazam เราเห็นนะ! (เผื่อใครไม่รู้ ชื่อเดิมของ Shazam คือ Captain Marvel แต่เป็นตัวละครของ DC นะ)
  18. “We’re on the same team.” Monica Rambeau เด่นกว่าที่คิดไว้เยอะ เดาว่ามาร์เวลมีแผนจะทำ The Ultimates เพราะได้สมาชิกมาเกินครึ่งแล้ว เหลือ Blue Marvel กับ America Chavez