Doctor Strange
(2016)
Doctor Strange เล่าเรื่องของศัลยแพทย์ทางประสาท Stephen Strange (เล่นโดย Benedict Cumberbatch) ที่หลังจากประสบอุบัติเหตุทำให้ผ่าตัดคนไข้ไม่ได้อีกต่อไป จึงก้าวเข้าสู่โลกแห่งเวทย์มนต์
ภาพตื่นตาตื่นใจ
เราว่า Doctor Strange คือหนังที่ภาพตระการตาที่สุดใน MCU (Marvel Cinematic Universe) ละ แต่ที่ต้องเน้นคือ ไม่ได้ภาพสวยในเชิงเทคนิกการถ่ายทำ มุมกล้อง หรือการจัดเฟรมเหมือน Captain America: Winter Soldier หรือ Civil War นะ แต่สวยในเชิงแสงสีอลังการ สเปเชียลเอฟเฟ็กต์งาม ๆ มีให้ชมตลอดเรื่อง ทั้งเอฟเฟ็กต์แบบใน Inception และที่แอ็บสแตรกไปกว่านั้นอย่างหลาย ๆ ฉากที่ดัดแปลงภาพสไตล์ Steve Ditko (นักวาดคอมมิก ผู้สร้าง Doctor Strange) มาใส่จอเงินได้อย่างลงตัว
Doctor Strange คืออาหารตาชามโต ที่พอดูจบแล้วอิ่มไปอีกหลายวัน
tons of respect for @scottderrickson bringing steve ditko landscapes to life in @DrStrange. #marvel #drstrange #steveditko pic.twitter.com/TWfUfmcSHo
— bright moments (@bright_moments) 10 October 2016
ง่าย ๆ คือซื้อตั๋วมานั่งดูภาพวึ้บวับ ๆ ก็คุ้มแล้ว
สูตรสำเร็จของ Marvel
หนึ่งในคำวิจารณ์ที่หนังใน MCU ได้รับมากที่สุดคือ “การทำตามหนังสูตรเดิม ๆ ทำให้หนังมาร์เวลนั้นซ้ำซาก เหมือนกันไปหมด ไม่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง” ซึ่งก็จริงส่วนนึง เพราะในเชิงการเล่าเรื่องแล้ว หนังใน MCU ไม่มีอะไรโดดเด่น แค่จับเอาดาราชายมาขุนให้ล่ำบึ้ก (Chris Evans, Chris Pratt, Benedict Cumberbatch) เอาดาราดังที่เริ่มตกกระแสมารับบทตัวร้ายแบบใช้แล้วทิ้ง (Hugo Weaving, Mickey Rourke, Mads Mikkelsen) ใส่ฉากต่อสู้เข้าไปประปราย มุกตลกตรงนู้นที นี้ที อ้ออย่าลืมพูดถึงตัวละครอื่นใน MCU ด้วยให้คนดูเฮฮากันไป โยนเงินลงไปเยอะ ๆ แล้วนั่งรอ
บู้ม หนังรายได้พันล้านพร้อมเสิร์ฟ
Doctor Strange ก็คงจะหนีไม่พ้นคำวิจารณ์นี้ เพราะเนื้อเรื่องก็ นั่นแหละ ตามสูตร ความสนุกของหนังมาจากการที่หนังอัดภาพสวย ๆ ในฉากแอ็กชั่นใส่หน้าคนดู เป็นความสนุกที่เกิดจากความตื่นตาตื่นใจมากกว่าความสนุกจากเนื้อเรื่อง (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแย่นะ) ลองดูง่าย ๆ คือองก์แรกของหนังที่ไม่ค่อยมีสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ให้เห็นมากนัก หนังจะออกเนือย ๆ และกว่าจะเริ่ม “สนุก” ก็ตอนที่เราได้เห็นคนสู้กันด้วยดาบวิเศษ
Stephen Strange ก่อนที่จะร่ายเวทย์ได้นั้นไม่มีพลังพอที่จะตรึงคนดู
อย่างไรก็ตาม เราว่าหนังของ MCU ถ้าจะมองให้ตามสูตร มันก็ตามสูตร ถ้าจะมองให้ไม่ตามสูตรมันก็ไม่ตามนะ ถ้าเราลองเอา Doctor Strange มาเทียบกับ Ant-Man มันก็เป็นหนังที่ต่างกันมากทั้งในโทนเรื่องและสไตล์ ก็แน่ล่ะ เรื่องนึงเป็นหนังแฟนตาซี ส่วนอีกเรื่องเป็นหนัง heist ถึงแม้โครงสร้างของหนังทั้งสองเรื่องโดยรวมจะคล้ายกันก็ตาม
นอกจากโทนของหนังแล้ว Doctor Strange ก็ฉีกแนวจากหนังเรื่องอื่นใน MCU ไปไม่น้อย เพราะ MCU ก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะ Sci-fi แม้แต่ตัวละครที่ใช้เวทย์มนต์ในคอมมิกอย่าง Scarlet Witch ก็ยังถูกดัดแปลงให้เข้ากับธีม Sci-fi ของ MCU แต่ Doctor Strange เป็นหนังที่บุกเบิกการใช้เวทย์มนต์ หรือความมีอยู่ของมิติอื่น ๆ ในจักรวาลของหนังโดยไม่ต้องพยายามเอาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ เหมือนกับที่ Guardians of the Galaxy บุกเบิกเรื่องอวกาศ และการมีอยู่ของเอเลี่ยน (ที่ต่างจาก demigod อย่าง Thor)
เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่า MCU แค่ทำตามสูตร ก็อาจจะไม่จริงซะทีเดียว
Mordo น่าสนใจ
ตัวละคร Mordo (เล่นโดย Chiwetel Ejiofor) นั้น ในคอมมิกเป็นตัวร้ายหลักของ Doctor Strange แต่ในหนังทั้งสองคนอยู่ฝ่ายเดียวกัน เราว่า Mordo ในหนังเป็นตัวละครที่ซับซ้อนและน่าสนใจ มีแรงจูงใจชัดเจน Chiwetel เองก็เล่นบทนี้ได้ดี ส่วนตัวละครอื่น ๆ อย่าง Wong (เล่นโดย Benedict Wong …อืม) ก็ตลกโดยที่ไม่ตกไปเป็น comedy relief ของเรื่อง สำเนียงอเมริกันของ Benedict Cumberbatch แปร่ง ๆ นิดนึง อาจจะเพราะเฮียแกเสียงลึกอยู่แล้ว ส่วน The Ancient One (เล่นโดย Tilda Swinton) จะมีความเป็นคนมากกว่าในคอมมิก ซึ่งเราชอบ
ความ (ไม่) เกี่ยวข้องกับ MCU
สิ่งที่ Doctor Strange ต่างจากหนังใน MCU เรื่องอื่นคือหนังเรื่องนี้ standalone มาก แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนังมาร์เวลเรื่องอื่นเลยนอกจากตึก Avengers ที่เห็นอยู่ลิบ ๆ ฉากสองฉาก หรือการพูดชื่อนิดหน่อย ถ้าไม่เคยดูหนังมาร์เวลเรื่องอื่นมาก่อนก็จะดู Doctor Strange ได้สบาย ๆ
เราชอบนะ มันเหมือนเป็นการพักหายใจจากการที่หนังเรื่องก่อน ๆ มีฮีโร่ล้นจอไปหมด
ส่วนอันนี้คือความตื่นเต้นส่วนตัวของเราเอง ไม่เกี่ยวกับหนังหรอก แต่เราชอบมากที่มาร์เวลเริ่มเอาเวทย์มนต์เข้ามาใน MCU พร้อมกันทั้งในหนัง ซีรีส์ (Agents of SHIELD ซีซั่นใหม่มี Ghost Rider) และ Netflix (Iron Fist กำลังจะเข้า Netflix มีนาคมปีหน้า)
สรุป
Doctor Strange เป็นหนังที่ภาพสวยที่สุดในบรรดาหนังมาร์เวลแล้ว อาหารตามาก สเปเชียลเอฟเฟ็กต์อลังการ เนื้อเรื่องช่วงแรกเนือย ๆ นิดนึง แต่ก็เร็วขึ้นมากในช่วงหลัง
หนังแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น ๆ ใน MCU เลย เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่ได้ติดตามหนังมาร์เวลอยู่ก็ดูเรื่องนี้ได้สบาย ส่วนใครที่เป็นแฟนมาร์เวลอยู่แล้ว เราเชื่อว่าคงไม่พลาด