Drunken Angel
(1948)
Drunken Angel เป็นหนังของ Kurosawa เรื่องที่สองที่เราเคยดู ต่อจาก Throne of Blood ที่ดูไปเมื่อหลายเดือนก่อน
หนังเล่าเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างหมอขี้เมา Sanada (เล่นโดย Takashi Shimura) กับยากูซ่าหนุ่ม Matsunaga (เล่นโดย Toshiro Mifune — เป็นหนังเรื่องแรกที่ Mifune กับ Kurosawa สร้างด้วยกัน) ที่ป่วยเป็นวัณโรค
Sanada มองว่า Matsunaga นั้นเป็นคนยโสโอหัง ใช้ความกราดเกรี้ยวมาปิดบังความกลัวของตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง อับอายเกินกว่าที่จะเผชิญหน้ากับความตายแบบซึ่งหน้า จึงเอา toxic masculinity มาคลุมความเปราะบางนั้นไว้ Sanada บอกว่าคนแบบ Matsunaga นั้นขี้ขลาด
Sanada รู้ดีว่า Matsunaga เป็นคนยังไง เพราะทั้งคู่คือคนแบบเดียวกัน
ถึงแม้ทั้งสองคนดูเหมือนจะอยู่คนละด้านของสังคม คนหนึ่งเป็นหมอคอยปกปักรักษา เป็นเทวดาขี้เมาตามชื่อเรื่อง อีกคนเป็นยากูซ่าคอยสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่การแสดงออก การขึ้นเสียงด่าทอคนอื่นเพราะไม่กล้าแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น เป็นความซึนเดเระขั้นวิกฤติ และทุกครั้งที่ทั้งสองคนนี้ทะเลาะตบตีกัน (ซึ่งก็คือทุกครั้งที่สองคนนี้เจอหน้ากัน) ก็เหมือนกับว่า Sanada ทำร้ายตัวเอง
แต่สิ่งที่ทำให้สองคนนี้ต่างกันคือ ในขณะที่ Matsunaga ยังคงหมกมุ่นอยู่กับความจองหองของตัวเอง Sanada นั้นเข้าใจความไร้สาระของ “ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย” ที่ “ฆ่าได้หยามไม่ได้” Sanada บอกว่า “การพลีชีพมันตกยุคไปแล้ว คนญี่ปุ่นที่พลีชีพแบบไร้จุดหมายนั้นมีเยอะเหลือเกิน” เป็นการพูดโดยนัยถึงทัศนคติของญี่ปุ่นต่อสงคราม
ใน Drunken Angel Kurosawa พูดถึง “แนวคิดแบบญี่ปุ่น” อย่างความไร้ค่าของการเอาชีวิตไปทิ้งในสงคราม แต่แกก็พูดถึง “แนวคิดอเมริกัน” ด้วยเหมือนกัน โดยจะเห็นว่า Matsunaga และแก๊งยากูซ่ารับขนบธรรมเนียมแบบตะวันตกมามาก อย่างการเดินกร่างไปทั่วเหมือนมาเฟีย การไปแจ๊ซคลับ เสื้อผ้าหน้าผมล้วนเชื่อมโยงการลุกล้ำของวัฒนธรรมตะวันตกเข้ากับความเน่าเฟะของโครงสร้างสังคม
เหมือนกับบ่อโคลนในเมืองที่เต็มไปด้วยขยะ หมอ Sanada จะทำอะไรได้นอกจากตะโกนไล่ไม่ให้เด็กเข้าใกล้