เนื้อหาต่อไปนี้มีสปอยเลอร์ครับ

สมมติมีร้านไอติมชื่อดังที่นึง ทำไอติมมาสิบกว่าปีแล้ว ขายไอติมอยู่ยี่สิบห้าแบบ แล้วมาวันนึงร้านนั้นประกาศว่าจะทำไก่ย่างขาย — ไม่ได้เปลี่ยนไปขายไก่ย่างนะ ยังเป็นร้านไอติมอยู่แหละ แต่มีไก่ย่างเพิ่มเข้ามา เป็นลิมิตเต็ดเอ็ดดิชั่น

แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ อยากทำไก่ย่างก็ทำนะ จะทำทั้งที ต้องจ้างเชฟเฉพาะทาง เชฟคนนี้ก็ไม่ธรรมดา เพิ่งได้ดาวมิชลินไปหมาด ๆ แถมวัตถุดิบก็ใช่เล่น บางวัตถุดิบที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกนำมาใช้กับร้านแบบนี้ก็ถูกเอามาใช้

แล้วดูตอนโฆษณาเมนูใหม่นี้สิ ลงโฆษณาทีวีว่าเป็นไก่ย่างพรีเมี่ยม จากเชฟมิชลินอันโด่งดัง เน้นหนักมากว่านี่คือไก่ย่างนะ ไม่ใช่เมนูปกติของร้านนะ มาลองชิมสิ เนี่ยเตรียมส่งประกวดละ ไก่ย่างดีเด่น อีกไม่กี่เดือนต้องได้รางวัลแน่ ๆ

แต่ตอนเปิดร้านให้นักวิจารณ์ไปลองชิมดู รีวิวดันออกมาเละเทะมาก บางคนบอกว่าเอ๊ะทำไมมันไม่เห็นเหมือนไก่ย่างอย่างที่โฆษณาไว้เลย นักวิจารณ์บางคนก็งง ๆ คิดว่ากำลังรีวิวไอติมอยู่ บ่นว่าไอติมอะไรรสชาติแปลกจัง ไอ้เราก็ได้แต่ยืนดูหน้าร้าน มองเข้าไปเห็นมะเขือเทศที่ตอนแรกสีแดงสดค่อย ๆ เน่าลง เน่าลง

แล้ววันนึงเราก็ตัดสินใจสั่งมาลองดู

พอจานมาวางตรงหน้า ก็เห็นชัดเลยว่ามันไม่เหมือนกับไอติมที่เคยสั่งหลายต่อหลายรอบ และในที่สุดก็ได้เวลากิน ตักเข้าปาก คำแรกนั้น…

…เย็นเฉียบเลยว่ะ

Eternals screenshot

Eternals …unshine of the spotless mind

Eternals คือหนังมาร์เวลที่เข้าไปดูแบบน้ำเต็มแก้วที่สุดแล้วมั้ง อคติเยอะแบบไม่ได้ตั้งใจ แค่เห็นพาดหัวข่าวว่าได้คะแนน Rotten Tomatoes ต่ำที่สุดใน MCU ก็อดกดอ่านไม่ได้ ชื่อ prestige ๆ แบบ Cloé Zhou จะแป้กได้แค่ไหนกันเชียว

ก่อนหนังฉายก็เลยพยายามลืมสิ่งที่เคยอ่านมา แต่มันก็ไม่นานก่อนที่หนังจะแสดงให้เห็นแบบชัดเจนว่าส่วนที่เป็นบล็อกบัสเตอร์กับส่วนที่เป็นหนังชิงรางวัลมันผสมกันแบบไหน

คำตอบก็คือมันผสมกันแบบหยาบ ๆ เหมือนคนสองบุคลิก จังหวะนึงพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ผ่านยุคสมัย อีกจังหวะก็ไล่ฟันดีเวียนต์ CGI แหลก จังหวะนึงพูดถึงฮิโรชิมา อีกจังหวะมาตบมุก Ikea Fall Collection (ซึ่ง นิดนึง Ikea ทำโต๊ะกินข้าวตามฤดูกาลด้วยเหรอ แล้วถ้าหมดฤดูใบไม้ร่วงต้องเปลี่ยนโต๊ะด้วยไหม)

เราว่าการผสมสูตร MCU กับดราม่าหนัก ๆ หรือไซไฟคอนเสปต์สูงมันทำได้ แต่สไตล์การเล่าเรื่องของ Cloé Zhou ดูจะต่างกับสิ่งที่มาร์เวลต้องการมากเกินไป

Eternals screenshot

Each prayer accepted

เราว่าสิ่งที่ Eternals ทำได้ดีที่สุดคือการวาง conflict ที่ค่อนข้างซับซ้อน (ซับซ้อนในที่นี้หมายถึงซับซ้อนกว่าปกติ ซับซ้อนกว่า good vs. evil)

โดย conflict หลักในหนังมีอยู่สองแง่ง หนึ่ง มุมมองที่แตกต่างกันของเหล่า Eternals ต่อมนุษยชาติผ่านกาลเวลา และสอง มุมมองที่แตกต่างกันของ Eternals ต่อแผนของ Arishem ที่ส่ง Eternals ไปช่วยให้มนุษย์เพิ่มจำนวนประชากรจนเพียงพอที่จะเป็นเชื้อเพลิงให้กำเนิด Celestial คน (? ตัว? องค์!?) ต่อไป

และที่หนังทำได้ดีคือการผูก conflict ทั้งสองแง่งนี้เข้าด้วยกัน และนำเสนอ conflict นั้นผ่านตัวละครหลาย ๆ มุมมอง

อย่าง narrative thread หลักคือ Sersi ที่มีเยื่อใยกับมนุษย์มาก แล้วมารู้ตอนหลังว่าโดน Arishem (และ Ajak) หลอก ซึ่งตรงข้ามกับมุมมองของ Ikaris ที่ภักดีต่อ Arishem จนละเลยความสัมพันธ์ต่อมนุษย์

หรือ Sprite ที่น้อยใจที่ Arishem สร้างร่างกายตนเองให้เป็นเด็กตลอดกาล จนสุดท้ายเข้ากับสังคมมนุษย์ไม่ได้

หรืออย่าง Phastos ที่มุมมองต่อมนุษย์เปลี่ยนไป แล้วการเปลี่ยนใจนี้ก็มีผลต่อมุมมองต่อแผนของ Arishem

ถ้าลองทำเป็นตารางคล้าย ๆ alignment chart เทียบมุมมองต่อมนุษย์ บวกและลบ กับมุมมองต่อ Arishem น่าจะได้ประมาณนี้

  Positive Arishem Neutral Arishem Negative Arishem
Positive Humanity Kingo Sersi Phastos (after), Ajak, Druig
Neutral Humanity Ikaris Gilgamesh, Thena, Makkari  
Negative Humanity   Phastos (before) Sprite

จากตารางจะเห็นว่าตัวละครมีความแตกต่างทางความคิดเห็นเยอะพอสมควร ตัวละครหลัก ๆ อย่าง Sersi, Ikaris, และ Sprite ก็อยู่คนละมุมกัน เป็นสามเหลี่ยม

แต่ตารางนี้ก็แสดงให้เห็นถึงปัญหาของหนังเหมือนกัน

…and each wish resigned

Eternals คือหนังที่มีความยาว 2 ชั่วโมง 36 นาที

Eternals คือหนังที่ทั้งยาวเกินไป แล้วก็รกเกินไปในคราวเดียวกัน

จากตารางข้างบนจะเห็นว่า Gilgamesh, Thena, และ Makkari อยู่ช่องกลางทั้งสามคน เพราะในสามคนนี้ Gilgamesh และ Thena มี subplot แยกออกไปแทบทั้งเรื่องโดยแทบไม่มีส่วนร่วมกับ conflict หลัก ส่วน Makkari ก็เลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในพิซซ่ายักษ์หลายร้อยปี

เพราะฉะนั้นใน ensemble สิบคน หนังก็แยกตัวละครออกจากพล็อตหลักไปแล้วสามคน

ยิ่งกว่านั้นคือ Kingo ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มาก และภักดีต่อ Ikaris ไปพร้อม ๆ กัน แทนที่จะให้เวลาตัวละครได้มี crisis of faith กลายเป็นหายออกไปจากไคลแมกซ์ซะงั้น

Ajak ก็ตายไปตั้งแต่ต้น ๆ เรื่อง

สุดท้ายความขัดแย้งที่หนังค่อย ๆ ปูพื้นมา พอถึงจุดแตกหักของหนังดันเหลือตัวละครแค่ครึ่งเดียว ตัวละครที่มี conflict ที่ต้องคลี่คลายแค่ไม่กี่คน กับ Kro ที่โผล่มาหนึ่งฉากถ้วน ที่เหลือกลายเป็นส่วนเกิน

Eternals screenshot

เราว่าภายในหนังเรื่องนี้มันมีไซไฟคอนเซ็ปต์สูงที่ดีมาก ๆ ซ่อนอยู่ แต่มันถูกกลบด้วย MCU-isms และถูกจำกัดด้วยตัวละครต้นฉบับ ซึ่งในแง่นี้เหมือน Cruella เป๊ะ — หนังแฟชั่นพั๊งค์ ๆ ที่ถูกจำกัดว่าต้องเป็น prequel ให้กับ 101 Dalmatians สุดท้ายเลยออกมาจืด ๆ

สรุปแล้วเราว่า Eternals จะเป็นหนังที่ดีมาก ถ้าเอาความเป็นมาร์เวลออกไป หรืออาจจะเป็นหนังมาร์เวลที่สนุก ถ้าเอาความเป็นหนังรางวัลออกไป และถ้าไม่ตัดตัวละครส่วนเกินออก ก็ทำให้ตัวละครเหล่านั้นมี conflict ที่เข้ากับธีมหลักของเรื่อง

แต่ Eternals ที่เราได้ เราว่ามันแค่โอเค