ดูหนังเรื่องนี้แล้วได้ฟีลเหมือน Moonlight Kingdom ในสเกลใหญ่ระดับ The Secret Life of Walter Mitty ว่าด้วยเด็กชายกับพ่อเลี้ยงที่มีเหตุจำเป็นจะต้องหนีไปอยู่ในป่าอันกว้างใหญ่ของนิวซีแลนด์

เป็นหนึ่งในหนังที่ภาพสวยที่สุดที่เคยดูมา เหมือนโฆษณาการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ (จะว่าไปก็เหมือนกับที่ Walter Mitty เป็นโฆษณาการท่องเที่ยวของไอซ์แลนด์) คือดูจบแล้วอยากจะจองตั๋วบินไปนิวซีแลนด์บัดเดี๋ยวนั้นเลย สวยอลังการมากทุกฉาก ทั้งผืนป่า ภูเขาหิมะ ลำธาร น้ำตก หน้าผา มุมกว้างและช็อตจากอากาศทุกช็อตนี่อาหารตามาก

Hunt for the Wilderpeople กำกับโดย Taika Waititi ผู้กำกับเดียวกับ Thor: Ragnarok (ซึ่ง ณ วันที่เขียนนี้เพิ่งปิดกล้องกันไปได้ไม่นาน) เลยอยากจะดูฝีมือผู้กำกับคนนี้ว่า Thor 3 จะไปในแนวไหน

แนวบ้า คำตอบคือแนวบ้า (เฮีย Taika แกบอกเอง)

หลังจากดู Hunt for the Wilderpeople แล้ว Thor 3 กลายเป็นหนังมาร์เวลที่เราอยากดูที่สุดเลย อยากดูกว่า Doctor Strange อีกตอนนี้

เราว่า Taika Waititi มีความเป็นเอกลักษณ์สูง ดูตอนแรกมุกตลกอาจจะเหมือน Edgar Wright บ้าง โทนของหนัง บทพูด หรือช็อตบางช็อตอาจจะคล้าย Wes Anderson หน่อย ๆ แต่พอดูไปก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อะ เอาผู้กำกับเหล่านี้มาอธิบาย Taika ไม่ได้ เพราะถึงจะแปลก ถึงจะบ้าบอ แต่ก็เป็นความบ้าบอคนละแบรนด์กัน

หนังเรื่องนี้ โดยแก่นของมันคือหนังผจญภัย ถึงจะมีคอเมดี้ผสมอยู่ด้วย แต่ธีมหลัก ๆ คือการออกไปเผชิญโลกกว้าง ตัวละครที่มีนิสัยแบบนึงตอนต้นเรื่อง พอถึงปลายเรื่อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็หล่อหลอมให้ตัวละครนั้นเป็นคนดีขึ้น เป็นเนื้อเรื่องที่หาได้ทั่วไปในหนังครอบครัว แต่ Hunt for the Wilderpeople สร้างตัวละครได้น่ารักน่าชัง มีมิติ ไร้จุดหมายแต่ก็มีแรงจูงใจ ทำให้คนดูคอยเอาใจช่วยได้ พลังของหนังมันอยู่ตรงนี้

จังหวะการเดินเรื่องก็ดี ไม่มีจุดไหนที่เร็วไปหรือเอื่อยไป ตรึงความสนใจของคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง สรุปคือดีไปหมด ทั้งภาพ เนื้อหา ตัวละคร การเดินเรื่อง

อ้อ ที่สำคัญ สำเนียงนิวซีแลนด์อร่อยหูมาก