Joy
(2015)
Joy คือหนังเรื่องที่สามในไตรภาคของผู้กำกับ David O Russell ผู้ซึ่งหานักแสดงคนอื่นนอกจาก Jennifer Lawrence กับ Bradley Cooper ไม่เจอ
แหม่ แซวเล่น จริง ๆ แล้วเราชอบหนังของเฮียแกสองเรื่องก่อนคือ Silver Linings Playbook กับ American Hustle นะ เลยมีความคาดหวังไว้นิด ๆ ก่อนดู
ดูไปสิบกว่านาทีอยากปิดทิ้งเลย
คือหนังมันยัดเยียด girl power ใส่หน้าคนดูมาก ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้ต่อต้านเสรีภาพของผู้หญิงนะ (จำเป็นต้องบอกไหมเนี่ย) แต่เรารำคาญการแกว่งวาระแบบนี้ใส่หน้าคนดู เราโอเคกับการตั้งประเด็นเรื่องคุณค่าและตำแหน่งของผู้หญิงผ่านแม่ของ Joy กับนิสัยติดละครของเธอ แต่พอมาก ๆ เข้าจากข้อความที่ว่า “ฉันเป็นผู้หญิงและนี่คือเรื่องราวความสำเร็จของฉัน และเรื่องราวที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง” ก็กลายเป็น “นี่เห็นไหมฉันคือผู้หญิงสู้ชีวิตนะ ไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายมานำนะ นี่ดูสิ ๆ “ มันก็เลย นั่นแหละ น่ารำคาญนิดหน่อย
แต่เราดีใจมากที่ดูต่อจนจบ เพราะเราชอบหนังเรื่องนี้พอ ๆ กับ Silver Linings Playbook และต่อไปนี้คือคำชม
เราชอบการเล่าเรื่องแบบไม่เป็นเส้นตรง (non-linear) แบบปะติดปะต่อฉากจากอดีตมั่ง อนาคตมั่ง ความจริงมั่ง ความฝันมั่ง มันเซอร์เรียลในระดับนึง แต่ก็ไม่เซอร์เรียลจนหลุดโลก แถมพอบวกกับ narration ผ่านมุมมองของยายของ Joy ที่ยังบรรยายต่อถึงแม้ตัวยายเองจะตายแล้ว จาก first-person narrative สลับไปเป็น third-person omniscient narrative กลางเรื่อง มันแปลกดี เราว่าเรื่องนี้เซอร์เรียลกว่า American Hustle นิดหน่อย กำลังพอดี
ด้านภาพและเสียง เราชอบการจัดเฟรม การนึกถึงคนที่อยู่ในเฟรมและคนที่อยู่นอกเฟรม เช่นช่วงกลางเรื่องมีฉากนึงที่ Rudy กับ Trudy คุยกันตรงโต๊ะกินข้าวแล้ว Joy กับ Tony โผล่เข้ามา มันยังไงไม่รู้ อธิบายไม่ถูก แต่ชอบ ส่วนเสียงเรางงกับช่วงแรกที่ตัดจากเพลงแจ๊ซไปเป็นอย่างอื่น ตัดแบบฉับเลย ไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไรยังไง แต่โดยรวมแล้วเพลงเพราะ