ก่อนดูนึกว่าหนังเรื่องนี้จะ “ทำตามสูตร” ของ The Fault in Our Stars เหมือนกับที่ Divergent ทำตามสูตร The Hunger Games หรือ ถ้ายังจำกันได้ อย่างที่ Antz ทำตามสูตร A Bug’s Life

แต่ดูจบแล้วไม่ใช่เลย

ในขณะที่ The Fault ฯ เต็มไปด้วยคำพูดสวยหรูตามแบบฉบับ John Green (ที่บางทีก็คลิเช่ไปหน่อย) Me and Earl ฯ ดูจริงใจกว่ามาก เพราะมันเต็มไปด้วยบทสนทนาแบบธรรมดา ๆ ที่ถูกจับมาขัดเกลาเล็กน้อย และไม่ได้ต้องการให้ตัวละครวัยรุ่นทุกคนเป็นกวีซีไรท์ที่จะสรรหาคำพูดหรือความคิดอันลึกซึ้งมาโต้ตอบกัน

บางทีเกร็ก (พระเอก) ก็ไม่ได้พูด เพราะในสถานการณ์นั้น ๆ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ตัวหนังเองก็เว้นที่ว่างไว้ให้เราคิดว่าถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเราจะพูดว่าอะไร ซึ่งถ้าเป็นเราก็คงพูดไม่ออกเหมือนกัน

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ cinematography (แปลไม่ถูกแฮะ) เจ๋งมาก แอบนึกถึงการกำกับภาพสไตล์ Wes Anderson ขึ้นมาเลย ชอบตรงที่หนังพยายามไม่ตัดไปตัดมาเยอะเกิน แต่เน้นองค์ประกอบให้ตัวละครที่คุยกันอยู่ในเฟรมเดียวกัน ทำออกมาดีมาก แล้วรายละเอียดอย่างการใช้ระยะโฟกัสน้อย ๆ ช่วงแรกของหนังทำให้ตัวละครดูห่างกัน (คิดว่า) สื่อถึงการที่ตัวละครยังไม่เป็นเพื่อนกัน ยังเป็นแค่คนรู้จักห่าง ๆ หรือไม่ก็การที่ช่วงแรกใช้ขาตั้งกล้อง แล้วภาพก็เริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์หนัง ชอบอะไรแบบนี้