เป็นหนังที่พลังสูงมาก

มากแบบ มากมาก

เข้มข้นต้นยันจบทั้งที่ไม่มีฉากแอคชั่น ไม่มีดราม่าที่ไม่จำเป็น ไม่มีการ sensationalise แต่มันเข้มข้นจากเนื้อหาของตัวเรื่องเอง และการนำเสนอ หนังบอกเราตรง ๆ ว่านี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง การกระทำ เหยื่อ ระบบเหล่านี้เรื่องจริงหมด และนั่นแหละที่น่าตกใจ

ทีม Spotlight เล่าเรื่องที่มีพลัง และหนัง Spotlight ก็เล่าเรื่องของทีมนี้ได้มีพลังไม่แพ้กัน

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใกล้ตัวเรา แต่ตอนดูรู้สึกว่ามันใกล้แค่ปลายจมูก อย่างฉากที่ไมเคิล คีตันคุยกับศิษย์เก่าเรื่องทีมฮอกกี้ หรือตอนที่นักข่าวคนนั้นสืบพบว่าหนึ่งในบาทหลวงอยู่ห่างไปไม่กี่หลัง มันให้ความรู้สึกว่าภัยนี้มันใกล้ตัวมาก ๆ และเราคิดว่าหนังสื่อเรื่องนี้ออกมาได้ดีมาก

อีกอย่างที่ชอบคือ exposition ผ่านคำพูดแบบจัง ๆ แทบไม่มี เริ่มมาหนังก็จับคนดูมาวางแผละกลางเมืองบอสตัน ให้เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าคนดูเอง ซึ่งอาจจะทำให้ตามไม่ทันบ้างตอนต้น ๆ หรือบางช่วงไม่เข้าใจบ้าง แต่เราว่าคุ้ม

ด้าน cinematography เราว่าก็ช่วยในการนำเสนอ หลาย ๆ ฉากก็สื่อถึงความลึกของปัญหา หรืออิทธิพลของคริสตจักรได้อย่างมีพลัง โดยเฉพาะฉากที่มีสนามเด็กเล่นหรือบ้านคน แล้วฉากหลังเป็นโบสถ์ใหญ่ ๆ ถ่ายด้วยระยะโฟกัสยาว ๆ สื่อให้เห็นถึงภัยคุกคาม ตรงนี้ชอบ

เราคงไม่ได้กลับมาดูหนังเรื่องนี้อีก (เพราะเครียดเกิน) แต่ Spotlight ติด top 10 เราไปแล้วล่ะ