สมมติในปี 2084 มีคนขุด Birdman or (The Unexpected Virtue of Ignorance) ขึ้นมาดู เขาจะรู้สึกยังไงกับมัน อาจจะเห็นว่าการที่ทั้งเรื่องเป็น long take นั้นน่ารักดี อาจจะถูกใจดนตรีประกอบที่มีแต่เสียงกลอง แต่ถ้าปราศจากบริบทว่าทำไม Michael Keaton ถึงรับบท Riggan และการที่ Edward Norton เล่นเป็น Mike มันพิเศษยังไง เขาจะซาบซึ้งกับมันเท่ากับคนที่ไปดู Birdman ในโรงหนังในปี 2014 ไหม

เวลาเราดูหนังเก่า ๆ ก็จะเป็นบริบทแบบนี้แหละที่เราไม่อยากพลาด เรากลัวว่าจะมองหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งว่า “ก็งั้น ๆ แหละ” เพียงเพราะเราขาดข้อมูลสำคัญที่จะทำให้มองหนังได้ลึกลงไปอีกขั้น

แปลว่าเราโชคดีที่หลังดู Sunset Boulevard จบ ก็ได้อ่านรีวิวของ Roger Ebert ที่เขียนถึงเบื้องหลังของหนังไว้คร่าว ๆ เพราะเบื้องหลังนั้นทำให้เรามองหนังเรื่องนี้จาก 9/10 เป็น 10/10

ที่เรายก Birdman มาเป็นตัวอย่างเพราะสองเรื่องนี้มีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน ทั้งสองเรื่องเกี่ยวกับวงการบันเทิง ทั้งสองเรื่องเล่าถึงดาราที่เคยโด่งดังในอดีต แต่ปัจจุบันถูกลืมเลือน และดาราที่เคยดังทั้งสองคนนี้ก็แสดงโดยนักแสดงที่มีประวัติการทำงานแบบนั้นจริง ๆ อย่าง Michael Keaton ที่เคยโด่งดังเพราะบท Batman ก็มาเล่นเป็นนักแสดงซุปเปอร์ฮีโร่ตกกระป๋องใน Birdman และ Gloria Swanson ที่ในเรื่องเล่นเป็นนักแสดงหนังเงียบ Norma Desmond ก็เคยเป็นนักแสดงหนังเงียบที่โด่งดังในยุค 1920s และ 1930s จริง ๆ

Sunset Boulevard ออกจะ meta กว่า Birdman ด้วยซ้ำ เพราะเอาผู้กำกับตัวจริงมาเล่น ฉากที่นางเอกไปที่กองถ่าย แล้วผู้กำกับ Cecil B. DeMille (ที่เล่นโดย Cecil B. DeMille) กำลังกำกับหนังเรื่องอื่นอยู่ หนังที่เขากำกับก็คือหนังจริง ฉากที่นางเอกดูหนังเงียบของตัวเองเพื่อรำลึกอดีต หนังเงียบนั้นก็คือหนังที่ Swanson เคยเล่น ไหนจะบรรดานักแสดงหนังเงียบที่มารับบทเป็นตัวเองอย่าง Buster Keaton และอีกหลายอย่างที่ไม่อยากพูดถึงเพราะเป็นสปอยเลอร์

แต่ถ้าจะมองว่าหนังเรื่องนี้คือการที่ฮอลลีวูดสร้างหนังเกี่ยวกับฮอลลีวูด แล้วใช้ความ meta เป็นกิมมิค ไม่เลย ความ meta ของมันเป็นเรื่องผิวเผินมาก เพราะแก่นแท้ของ Sunset Boulevard นั้นจะวนเวียนอยู่กับ delusion of grandeur ของ Norma Desmond ที่ถูกถ่ายทอดผ่านทุกมิติของหนัง ทั้งตัว Swanson เอง ทั้งผ่านสายตาของ “พ่อบ้าน” Max von Mayerling (เล่นโดย Erich von Stroheim — อีกหนึ่งความ meta) และผ่านสถาปัตยกรรมของคฤหาสน์ซอมซ่อที่เป็นสถานที่หลักของเรื่อง

Norma Desmond คือหนึ่งในตัวละครที่เราคิดว่าน่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนต์ เป็นตัวละครที่ใหญ่เกินจอมาก ๆ ทั้งคำพูด น้ำเสียง สีหน้าท่าทาง การแสดง ทุกการถลึงตา ทุกความเคลื่อนไหวที่ดูเกินจริงแต่น่าเชื่อถือไปพร้อม ๆ กัน เพราะก็อย่างที่บอกคือทั้ง Desmond และ Swanson เป็นอดีตดาราหนังเงียบมาก่อน มีฉากหนึ่งในหนังพระเอกพูดกับ Desmond ว่า “You used to be big.” Desmond ตอบว่า

“I am big. It’s the pictures that got small.”

เป็นคำพูดที่บ่งบอกความหลงตัวเองของเธอได้ดี — เธอไม่ได้ใหญ่เกินจอ จอต่างหากที่เล็กเกินเธอ

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยสื่อถึง delusion ของ Desmond ก็คือคฤหาสน์ของเธอ คฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมาย เริ่มตั้งแต่ประตูหน้าที่เป็นซี่เหล็ก เหมือนคุกที่จองจำพระเอกและนางเอกไปพร้อมกัน หรือห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยรูปของ Desmond สมัยที่เคยโด่งดัง หรือสระว่ายน้ำที่แห้งสนิท หรือเครื่องฉายหนังที่เล่นแต่หนังเงียบของตัวเธอเอง

Sunset Boulevard screenshot

Sunset Boulevard ไม่ใช่หนังที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อน ไม่มีตัวละครเยอะแยะมากมาย แต่ทุกจังหวะการเล่าเรื่อง ทุกตัวละคร ไดอะล็อกทุกบรรทัด คาเวียร์ทุกเม็ดนั้นมีจุดประสงค์เดียว คือความหลงตัวเองของ Norma Desmond

“I’ll show them. I’ll be up there again, so help me!”