พระเอกต้องการปราบตัวร้าย พระเอกสู้กับตัวร้าย พระเอกรู้ทีหลังว่าตัวร้ายนั้นต้องการทำลายโลกเพื่อสร้างโลกใหม่ / ฆ่าคนหนึ่งล้านคนเพื่อช่วยชีวิตคนหนึ่งพันล้านคน / ผลักดันมนุษยชาติไปข้างหน้าโดยจำเป็นต้องให้คนกลุ่มหนึ่งสละชีวิต

แล้วหนังก็พยายามสร้างพื้นที่สีเทา ตั้งคำถามว่าสิ่งที่ตัวร้ายทำไปนั้นถูกต้องหรือไม่ หรือแท้จริงแล้วตัวร้ายทำไปเพราะเจตนาดี ไม่ก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับผลลัพท์และวิธีการ ว่าถ้าหากผลลัพท์ออกมาดี แต่วิธีการไม่ดี ถือว่าการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

แล้วสุดท้ายพระเอกก็ผลักตัวร้ายตกเหว / ส่งตัวร้ายเข้าคุก / ยิงตัวร้ายกลางกบาล สรุปคือในมุมมองมหภาคแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เนื้อเรื่องแบบนี้คุ้น ๆ ไหม

Watchmen เอาความเกร่อนี้มาปัดฝุ่นแล้วใส่ส่วนประกอบสำคัญลงไป ส่วนประกอบที่ว่าคือ “ผล” (consequence)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนจบมีผลกระทบต่อโลกในหนัง ไม่ใช่แค่แผนการล้างโลกของตัวร้ายที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เราชอบตรงนี้

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือการออกแบบตัวละคร (ถึงจะเป็นตัวละครจากหนังสือก็ตาม) รู้สึกว่าแต่ละตัวมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง และหลาย ๆ ตัวไม่ตกอยู่ใน trope ซ้ำซาก

ที่ไม่ชอบคือ หนังมันยืดเยื้อมาก เราดูแบบ Ultimate Cut ความยาวสามชั่วโมงครึ่ง บางพล็อตก็ไม่จำเป็น ไม่แน่ใจว่าใส่มาทำไม เนื้อเรื่องเข้มข้นแต่รู้สึกว่าเดินเรื่องช้า

แล้วหนังมันจะฟ้าไปไหน อันนี้เข้าใจว่าเป็นสไตล์เฮียสไนเดอร์แก หนังเรื่องนึงมีสีได้แค่สีเดียวไรงี้