Double Indemnity
(1944)
หลังจากดู The Maltese Falcon ที่ได้ชื่อว่าเป็น film noir เรื่องแรก ก็มาต่อด้วย Double Indemnity ซึ่งก็เป็น classic noir อีกเรื่องนึง
สิ่งที่เด่นที่สุดใน Double Indemnity ก็คือวิธีการเล่าเรื่อง หนังเริ่มต้นด้วยคำสารภาพของฆาตกร พร้อมอธิบายแรงจูงใจด้วยคำพูดสุดคลาสสิก “Yes, I killed him. I killed him for money, and for a woman. But I didn’t get the money, and I didn’t get the woman. Pretty, isn’t it?” ซึ่งการเล่าเรื่องแบบเอาตอนจบของเรื่องมาเป็นฉากเปิดนั้นก็มีให้เห็นอยู่บ่อยจนเฝือ แต่ส่วนหนึ่งของหนังเหล่านั้นก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องนี้แหละ
ในคดีฆาตกรรม หนังเฉลยตั้งแต่ต้นเรื่องว่าใครเป็นคนทำ และทำไปเพื่ออะไร และหนังก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการอธิบายว่า ทำยังไง และที่สำคัญที่สุดคือ — จริง ๆ แล้ว ทำไปเพื่ออะไรกันแน่
ถ้าเทียบกับ The Maltese Falcon แล้ว สไตล์การเขียนบทต่างกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่บทพูดใน The Maltese Falcon นั้นตรงไปตรงมา ไม่มีน้ำ เน้นแก่นสาร บทพูดใน Double Indemnity เต็มไปด้วยคำพูดไพเราะจนแทบจะร่ายกวีใส่กัน ถ้าบทพูดใน Falcon คือเสื้อยืดตราห่านคู่ บทพูดในหนังเรื่องนี้ก็คงเป็นชุดที่ส่งตรงมาจากมิลาน แฟชั่นวีค แต่ก็ยังคงความเคร่งขรึมในแบบฉบับ classic noir
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ มันไม่มีความคลุมเครือทางศีลธรรมเท่าไหร่ เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าทั้ง Neff และ Mrs. Dietrichson ไม่ใช่คนดี และการกระทำของสองคนนี้ก็เพียงเพื่อจะสนองความต้องการของตนเอง แต่สิ่งที่ทำให้หนังน่าติดตามก็คือ ความต้องการของสองคนนี้คืออะไร และความต้องการของสองคนนี้ตรงกันหรือไม่
หนังเริ่มต้นด้วยคำสารภาพของ Neff ว่าทำเพื่อเงิน และเพื่อผู้หญิง แต่สุดท้ายเขาก็ละทิ้งทั้งสองอย่าง ด้าน Mrs. Dietrichson ต้นเรื่องเหมือนจะหลอกใช้ Neff เพื่อเงิน แต่มากลับใจท้ายเรื่อง “No, I never loved you, Walter (…) until a minute ago.”
ในรีวิวของ Roger Ebert แกเขียนไว้ว่าทั้งความรักและเงินเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง แท้จริงแล้วแรงจูงใจของทั้งสองคนคือความเร้าใจในการฆ่าคนด้วยกันเท่านั้นเอง
อีกประเด็นเล็กน้อย บางทีเวลาเรานึกถึงหนังเก่า ๆ เราก็อาจจะคิดไว้อยู่แล้วว่าตัวละครจะต้องแต่งตัวยังไง ใช้คำพูดยังไง เทคโนโลยีสมัยนั้นเป็นยังไง แต่ในด้านวัฒนธรรมก็มีบางอย่างที่เราคาดไม่ถึง ที่เราช็อคมากคือฉากที่พระเอกขับรถอยู่ดี ๆ ก็แวะกินเบียร์ (!?) “I stopped at a drive-in for a bottle of beer.” มี drive-in สำหรับเบียร์ด้วย ตลกดี
ตอนดู The Maltese Falcon เราลืมสังเกตการใช้แสงเงาในการเล่าเรื่อง แต่นั่นก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ film-noir โดยเฉพาะ classic noir ที่เป็นหนังขาวดำ การเล่นแสงเงาในหนังเรื่องนี้ดูดีแม้ในฉากตอนกลางวัน อย่างเงาของ Neff ตรงประตูหน้าบ้าน Mrs. Dietrichson คลาสสิกมาก