Criss Cross
(1949)
Criss Cross คือหนึ่งในหนังต้นแบบของหนังวางแผนปล้นที่จะวิวัฒนาการไปเป็นหนังอย่าง Baby Driver ในยุคปัจจุบัน แต่ถ้าพูดถึงอิทธิพลต่อหนังวางแผนปล้นแล้ว The Asphalt Jungle ดูจะได้เครดิตไปซะเป็นส่วนใหญ่
เพราะ “สูตร” ของหนังเรื่องนี้ไม่ดีเท่า The Asphalt Jungle
Criss Cross เริ่มเรื่อง in media res — คือเริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งในเรื่อง แล้วค่อย flashback วนกลับไปเล่าเรื่องตั้งแต่ต้น ซึ่งก็เป็นเทคนิกที่นิยมใช้กันมานาน เพราะการเล่าเรื่องแบบนี้จะนำคนดูเข้าไปอยู่กลางแอ็คชั่นตั้งแต่ต้น แล้วก็จะเกิดความสงสัย จะตั้งคำถามว่าตัวละครเหล่านี้เป็นใคร มาอยู่ในสถานการณ์นี้ได้ยังไง ฯลฯ
แต่สิ่งสำคัญคือ คำตอบของคำถามเหล่านั้นมันต้องน่าสนใจด้วย พอวนกลับไปเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้น ต้องทำให้คนดูแคร์กับตัวละคร กับความสัมพันธ์ กับเบื้องหลังแอ็คชั่นนั้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ Criss Cross ทำไม่ได้ เพราะหลังจาก flashback แล้ว หนังใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเล่าเรื่องที่ยืดเยื้อน่าเบื่อที่สุด
พระเอก Steve (เล่นโดย Burt Lancaster) กับนางเอก Anna (Yvonne De Carlo) เคยคบกันมาก่อน แล้วแยกทางกันไป ตอนกลับมาเจอกันอีก นางเอกก็ได้แต่งงานกับมาเฟีย Slim Dundee (Dan Duryea) เรียบร้อย ความสัมพันธ์แบบเดียวกับ Gilda เป๊ะ (แต่ love triangle ก็เป็นคลิเช่ใน film noir อยู่แล้ว ไม่ว่ากัน) หนังใช้เวลาอธิบายความสัมพันธ์นี้เกือบครึ่งเรื่อง ส่วนที่เหลือคือส่วนวางแผนปล้น ไม่ต้องมีการรวมทีม เพราะ Slim มีทีมอยู่แล้ว จะมีส่วนที่น่าสนใจแค่ตอนวางแผน ซึ่งซับซ้อนกว่า The Asphalt Jungle แต่ก็ไม่ซับซ้อนมาก
กว่าหนังจะอธิบายเสร็จก็จวนจะจบเรื่องแล้ว
ยังดีที่พอส่วนที่เป็น flashback จบ หนังก็เริ่มเร่งจังหวะขึ้น แล้วหลังปล้นเสร็จก็ได้มาลุ้นกันว่าใครจะทรยศใคร ใครจะ double cross ใคร ซึ่งเป็นไฮไลท์ของหนัง ตามชื่อ
ถ้าหนังทั้งเรื่องทำได้น่าสนใจ น่าตื่นเต้นเท่า 10 นาทีสุดท้าย หนังเรื่องนี้อาจจะถูกจดจำในฐานะแม่แบบของหนัง heist ในระดับเดียวกับ The Asphalt Jungle ก็เป็นได้
เพิ่มเติมอีกนิดนึง รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ misogyny หนักกว่าหนังเรื่องอื่นในยุคเดียวกันนะ คือหนังยุคนี้มันมี misogyny ทุกเรื่องอยู่แล้ว ตามยุคสมัย แยกออก แต่ในหนังเรื่องนี้มันดูน่าขยะแขยงยังไงไม่รู้ อธิบายไม่ถูก