ถ้าถามว่า Gun Crazy มีสไตล์ไหม เราตอบได้ทันทีเลยว่า Gun Crazy คือหนังที่มีสไตล์เด่นชัดที่สุดเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าถามว่า แล้วสไตล์ของ Gun Crazy คืออะไร… เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ในมุมนึง Gun Crazy คือหนังเกี่ยวกับโจรคู่หูแบบ Bonnie and Clyde เป็นหนังเกรดบีบู๊แหลกเน้นฉากแอคชั่น ดูง่ายไม่ต้องคิดตาม อีกมุมนึงคือหนังที่พูดถึงความหมกมุ่นของทั้งพระเอกและนางเอกกับปืน พระเอกเป็นคนที่มีฝีมือในการยิงปืนแบบเหนือมนุษย์ แต่เขาไม่กล้าลั่นไกใส่สิ่งมีชีวิตใด ๆ นางเอกเป็นนักแม่นปืนที่เล่นโชว์ตามงานวัด ทั้งคู่มีปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา หนังเริ่มที่ปืน จบที่ปืน เรียกได้ว่าหมกมุ่นกับความหมกมุ่นกับปืนสุด ๆ อีกมุมนึงหนังเล่าถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนที่คล้ายกันโดยผิวเผิน แต่ลึก ๆ แล้วต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยมีฉากยิงปืนปล้นธนาคารเป็นเพียงพื้นหลัง

และทั้งหมดนี้มารวมอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันได้อย่างลงตัว

ถ้ามองกลับไปยัง film noir ทั้งเก้าเรื่องที่เราดูก่อนหน้านี้ สิ่งที่มีให้เห็นทุกเรื่องเป็นค่าคงที่คือแม่แบบ (archetype) ของพระเอกและนางเอก พระเอกมักจะเป็นนักสืบเอกชนมาดขรึม ภายนอกเข้มแข็งแต่ศีลธรรมภายในเปราะบาง ส่วนนางเอกก็เป็น femme fatale คือผู้หญิงเจ้ามารยา เป็นคนที่ exploit ความเปราะบางทางศีลธรรมของพระเอก ยั่วยวนเขาไปในทางที่ผิด

Gun Crazy มีนางเอก Laurie (เล่นโดย Peggy Cummins) ที่เป็น femme fatale แบบตรงนิยามเป๊ะ ๆ แต่พระเอก Bart (เล่นโดย John Dall) นั้นแทบจะตรงข้ามกับภาพลักษณ์ของพระเอก film noir ที่ว่าไว้เลย

Bart Tare เป็นคนซื่อ ๆ ไม่วางมาด และถึงดูผิวเผินเหมือนจะโดน Laurie ยั่วยุให้ไปปล้นร้านปล้นธนาคาร แต่จะเห็นว่าแก่นศีลธรรมของ Bart ไม่เคยเปลี่ยน คือไม่ยอมฆ่าคนเด็ดขาด และที่ก่ออาชญากรรมก็ไม่ใช่เพราะต้องการเงิน แต่เพราะ Laurie ต้องการเงินต่างหาก เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่า Bart จะไม่ใช่ตัวละครแบบ Lawful Good เหมือนพระเอกใน Touch of Evil แต่ในเชิงศีลธรรมนั้น เขาแข็งแกร่งกว่าตัวละครแนว Humphrey Bogart (The Maltese Falcon, The Big Sleep) มาก

นอกจากนั้น ฉากแอคชั่นใน Gun Crazy ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะฉากขับรถหนีตำรวจ โดยหนังจะมีมุมกล้องโปรดคือถ่ายจากเบาะหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนคนดูนั่งอยู่ในรถ ซึ่งไม่ใช่มุมกล้องที่พิสดารอะไร แต่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ยิ่งช่วงกลางเรื่องมีฉาก long take ตั้งแต่พระเอกลงจากรถไปปล้นธนาคาร วิ่งกลับขึ้นมาแล้วนางเอกขับหนี เป็นฉากที่ดีที่สุดในเรื่อง

ดูเผิน ๆ แล้ว Gun Crazy เหมือนจะเป็นแค่หนังบู๊ campy ๆ แต่การพลิกบทบาทของพระเอกทำให้หนังเรื่องนี้เป็น film noir ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร